วันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2555

การ์ตูนมิกกี้เมาส์


ประวัติมิกกี้เมาส์ 

รื่องราวของมิคกี้ เม้าส์เริ่มขึ้นในปี 1928 โดย
"วอลเตอร์ อีลิส ดิสนีย์" ( วอลล์ ดิสนีย์)ภายหลังจากที่มีการตั้งบริษัท วอลล์ ดิสนีย์ ร่วมกันกับ'รอย'
นักผลิตการ์ตูนซึ่งเป็นน้องชายของเขา ครั้งแรกที่พวกเขาสร้างตัวการ์ตูนตัวนี้ขึ้นมานั้น พวกเขาเรียกมันว่า
"มอร์ติเมอร์ เมาส์" แต่ในเวลาต่อมาหลังจากที่ภรรยาของเขาแนะนำว่า ควรจะเปลี่ยนชื่อตัวการ์ตูนนี้ใหม่
เขาจึงเปลี่ยนชื่อตัวการ์ตูนเป็น "มิคกี้ เมาส์" (ในอิตาลีจะเรียกว่า "โทโพลิโน่") มิคกี้เป็นหนูซึ่งมีหูกลมใหญ่
สีดำและมีแขนขาที่เล็กมากโดยมิคกี้จะใส่กางเกงขาสั้นสีแดงซึ่งมีกระดุมสีเหลือง 2 เม็ดติดอยู่บนกางเกง
รองเท้าและถุงมือก็จะเป็นสีเหลืองด้วย มิคกี้ เมาส์ได้รับการเปิดตัวครั้งแรกที่โรงภาพยนตร์ในนิวยอร์ค และ
การ์ตูนเรื่องนี้มีจุดเด่นที่เพลงประกอบที่ไพเราะ ภาพและฉากสวยงาม หลังจากนั้นดิสนีย์ก็ได้ผลิตการ์ตูนขึ้น
อีกเรื่องคือเรื่องลูกหมูสามตัว โดยซิลลี่ ซิมโฟนี่ การ์ตูนเรื่องนี้ได้รับรางวัลออสก้าร์ในปี 1933 ถึง 31 รางวัล
            
  มิคกี้ เมาส์เปิดตัวในโลกของการ์ตูนครั้งแรกในปี 1930 เป็นตัวการ์ตูนซึ่งมี
บุคลิกที่มีความอดทน อดกลั้น มีความฉลาดหลักแหลม มองโลกในแง่ดี และกล้าหาญ ที่สำคัญมิคกี้มีสัญชาตญาณ
พิเศษในเรื่องของการสืบสวนสอบสวน และด้วยบุคลิกที่โดดเด่นในแง่นี้เองทำให้ตัวการ์ตูนตัวนี้ชอบที่จะใช้เหตุผล
เพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ โดยไม่ต้องใช้กำลังเข้าสู้ เช่นการชนะศัตรูที่มีร่างกายที่แข็งแรงกว่ามิคกี้มาก

การผจญภัยของมิคกี้ เมาส์มีมากมายหลายตอน ได้แก่ มิคกี้ เม้าส์กับความลี้ลับของจุดดำ, มิคกี้ เมาส์
ราชาแห่งหนู, มิคกี้ เมาส์นักหนังสือพิมพ์, มิคกี้ เมาส์และความลี้ลับของชายในสายหมอก, มิคกี้ เมาส์กับปีศาจกอริลล่า,
มิคกี้ เมาส์ยุคหิน ฯลฯ สำหรับเรื่องการแต่งตัวที่ดูทันสมัยของมิคกี้ เมาส์ในบางครั้งก็จะสวมใส่กางเกงขายาวสีแดง
เสื้อถักรัดรูปสีน้ำเงินซึ่งมีแขนเสื้อสั้น ถุงเท้าและถุงมือเป็นสีเหลืองเข้าชุดกัน ในปี 1940 มิคกี้ เมาส์ ได้รับขนานนามจาก
นักวิจารณ์ ภาพยนตร์ว่าเป็นการ์ตูนที่ได้รับความชื่นชอบมากที่สุดใน ยุคนั้น เพราะเป็นการ์ตูนที่เต็มไปด้วยจินตนาการ

ตัวการ์ตูนอีกตัวหนึ่งซึ่งถือว่าเป็นเพื่อนสนิทของมิคกี้ก็คือ กุฟฟี่ ซึ่งเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด
ซึ่งมักจะติดตามมิคกี้ไปทุกๆที่ ในอเมริกาเรียกกุฟฟี่ว่า กูฟี่ ซึ่งชื่อนี้มีความหมายว่าตัว ตลก และความสนุกสนาน จากชื่อนี้
เองสามารถเดาถึงบุคลิกลักษณะนิสัยของกุฟฟี่ได้ ในความเป็นจริงแล้วกุฟฟี่จะมีบุคลิกที่ตรงกันข้ามกับมิคกี้ ซึ่งกุฟฟี่จะคอย
กวนใจมิคกี้บ่อยครั้ง ตามประวัติแล้วกุฟฟี่จะคอยสร้างความครื้นเครงให้ผู้อื่น โดยการทำฟองสบู่ ในขณะที่มิคกี้รู้สึกท้อแท้ช่วย
ให้มิคกี้คลายความเศร้าได้ กุฟฟี่ถูกสร้างขึ้นปี 1932 ในการ์ตูนเรื่องมิคกี้ เมาส์ กุฟฟี่จะแต่งกายด้วยชุดสีแดงคล้ายกับชุดนอน
และสวมเสื้อคลุมไม่มีแขนสีฟ้า กุฟฟี่จะเปลี่ยนเป็น ซุปเปอร์กูฟ หลังจากที่ได้รับประทานถั่วชนิดพิเศษเข้าไป
ซึ่งถั่วดังกล่าวจะปลูกอยู่ในสวนภายในถ้วยใบหนึ่ง เมื่อทานถั่วเข้าไปแล้วกุฟฟี่จะมีพลังเหมือนกับซุปเปอร์แมน
มีกำลังมหาศาล สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว
             
  มินนี่ เม้าส์ ซึ่งเป็นคู่หมั้นของมิคกี้ ถือได้ว่าเป็นตัวแทนของความเป็นผู้หญิง ตัวการ์ตูนนี้เกิด
ขึ้นมาจากความเป็นผู้หญิง ซึ่งมีอยู่ในทุกสังคมและความคิดของมินนี่ ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามทัศนคติ มินนี่มีบุคลิกที่อ่อน
หวานอ่อนไหว ชอบการต่อสู้และมีอารมณ์ที่ค่อนข้างหุนหันพลันแล่น มินนี่จะเป็นตัวแทนของเพศหญิง ฟอยด์ ก๊อตเฟรตสัน
เป็นนักวาดการ์ตูนที่สร้างมินนี่ เม้าส์ขึ้นมา มินนี่เป็นตัวการ์ตูนตัวหนึ่งในการ์ตูนเรื่องมิคกี้ เมาส์ โดยส่วนใหญ่แล้วมินนี่จะ
ปรากฏตัวในห้องครัว ขณะที่ทำเค้กกับคาร์ราเบลล่า ซึ่งเป็นเพื่อนของมินนี่ การเป็นคู่หมั้นของมิคกี้และมินนี่เป็นตัวแทน
ของความผูกพัน ซึ่งเชื่อมทั้งสองเข้าไว้ด้วยกันชั่วนิรันดร์

ถึงแม้ว่ามินนี่ และมิคกี้จะไม่มีลูกด้วยกันแต่ในประวัติของมิคกี้
นั้นมักจะมีหนูเด็กๆ 2 ตัวปรากฏอยู่เสมอๆ หนูทั้งสองตัวนั้นชื่อว่า ทิป และแท๊ปซึ่งเป็นหลานของมิคกี้ ทิปและแท๊ปปรากฎตัวเป็น
ครั้งแรกในปี 1932 ในตอนที่ชื่อว่า"หลานของมิคกี้" ซึ่งผู้ที่สร้างสรรตัวละครนี้ขึ้นมาคือ ฟอยด์ ก๊อตเฟรตสัน ในปี 1934 ในตอน
"รถบดถนนของมิคกี้" ทิปและแท๊ปจะมีลักษณะทางกายภาพคล้ายคลึงกับมิคกี้ เม้าส์ซึ่งเป็นลุง โดยที่ทิปและแท๊ปจะใส่เสื้อคลุมขน
สัตว์ที่เป็นชุดยาวมีสายรัดและสวมหมวกของกะลาสี ทิปและแท๊ปเป็นหนูที่ฉลาด ทิปและแท๊ปจะต่อต้านหลานของมินนี่ ซึ่งมีชื่อ
ว่าเมโลดี้

การผจญภัยของทิปและแท๊ป เกิดขึ้นเมื่อพวกเขาพบกับพลูโตซึ่งเป็นสุนัขของมิคกี้ พลูโต เป็นสุนัขที่
ซื่อสัตย์ อ่อนไหว มีความอยากรู้อยากเห็นสูง พลูโตปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในการ์ตูนเรื่องมิคกี้ เม้าส์ในปี 1930 ในความ
เป็นจริงแล้วสุนัขก็ย่อมที่จะมีพฤติกรรมเหมือนสุนัข ในขณะที่กุฟฟี่และมิคกี้รวมถึงตัวการ์ตูนตัวอื่นๆ ถึงแม้ว่าจะเป็น
สัตว์แต่ก็สามารถพูดได้อย่างมนุษย์ปกติทั่วๆไป 

                                                        
                              

การ์ตูนโดเรม่อน


 : โดเรม่อน
วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2512 เป็นวันที่เริ่มต้นพิมพ์หนังสือการ์ตูนเรื่อง "Doraemon" ในประเทศญี่ปุ่น โดยจินตนาการของนักเขียนชาวญี่ปุ่นสองคน ที่ใช้นามปากการ่วมกัน ว่า ฟูจิโกะ ฟุจิโอะ โดยตัวการ์ตูนจะเป็นเรื่องราวของหุ่นยนต์ในโลกอนาคต ศตวรรษที่ 22 ซึ่งจินตนาการให้เป็นแมวตัวกลมๆ มีความสามารถพิเศษ และกระเป๋าวิเศษที่บรรจุของมากมาย จุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือเด็กผู้ชาย ที่ขี้แย ไม่เอาไหน คนนึง และสอดแทรกคติธรรมเข้าไป ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก
ชื่อโดราเอมอน มาจากคำว่า...โดราเนโกะ แปลว่าแมวหลงทาง เอมอน เป็นคำเรียกต่อท้ายชื่อของเด็กชายในสมัยก่อน โดราเอมอน เกิดขึ้นโดยความบังเอิญในขณะที่ 2 นักเขียนการ์ตูนชื่อฮิโรชิ ฟูจิโมโต และโมโตโอะ อาบิโกะขณะที่กำลังจินตนาการ สร้างการ์ตูนตัวใหม่ด้วยความลำบาก และกดดัน เนื่องจากเหลือเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงจะถึงกำหนดส่งต้นฉบับ บังเอิญเหลือบเห็นตุ๊กตาของลูกสาว ทำให้นึกต่อไปถึงตุ๊กตา แมว ล้มลุก และกลายเป็นโดราเอมอนในที่สุด
การ์ตูนเรื่องโดเรม่อน มีจุดเด่นในเรื่องของจินตนาการ สิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ในโลกอนาคต ที่ผู้อ่านทั่วไปคาดไม่ถึง จากปลายปากกาของ อ. ทั้งสอง ที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมทั้งสอดแทรกศิลปะวัฒนธรรมของญี่ปุ่นเข้าไปในตัวการ์ตูน แบ่งลักษณะนิสัยของคนออกมาในแต่คาแร็คเตอร์ได้อย่างลงตัว เหมือนกับนำเอาชีวิตจริงของผู้อ่านเข้าไปเกี่ยวข้องกับการ์ตูนด้วย ดังนั้นการ์ตูนเรื่องนี้จึงเป็นที่นิยม อ่านได้ทุกเพศทุกวัย จนทำให้มีการพิมพ์การ์ตูนเรื่องนี้มากมาย สามารถขายได้ถึง 100 ล้านเล่มใน ญี่ปุ่น และแปลเป็นภาษาต่างๆ ทั่วโลก ถึง 9 ภาษา รวมทั้งภาษาไทยอีกด้วย นอกจากการ์ตูนแล้ว โดเรม่อน ถูกสร้างออกมาเป็นภาพยนต์ทางจอเงิน และจอแก้วมากมายหลายตอน โดย ฉายครั้งแรกที่ฮ่องกง เมื่อปี พ.ศ. 2524 และฉายที่ประเทศไทยเราครั้งแรก วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2525
ส่วนประกอบต่างๆ ของ โดเรม่อน

กำเนิดโดราเอม่อน
จริงๆแล้ว แต่เดิมนั้นโดราเอม่อนนั้นมีผิวสีเหลือง และมีหูเหมือนแมว โดยถือกำเนิดขึ้นจากโรงงานผลิตหุ่นยนต์ในศตวรรษที่22 โดยโดราเอม่อนนั้นเป็นหุ่นที่สร้างมาเพื่อเลี้ยงเด็กๆเท่านั้น แต่ทว่า ตัวโดราเอม่อนเองนั้นมีขั้นตอนการผลิตที่ผิดพลาด ในขณะที่ทำการผลิตอยู่นั้นได้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรขึ้นทำให้หุ่นโดราเอมอนตัวหนึ่งโดนไฟช็อต และกำลังหล่นลงไปในเตาหลอมขยะ ในขณะที่กำลังจะหล่นไปนั้น โดราเอมอนได้รับการช่วยเหลือจาก หุ่นยนต์แมวนักเต้นชื่อ โดราเนียโกะ โดราเอมอนได้รู้จักเพื่อนคนแรกที่นี่ และโดราเนียโกะได้มอบขนมแป้งทอดหรือ โดรายากิ โดราเอมอนเพื่อเป็นการฉลองวันที่โดราเอมอนถือกำเนิดขึ้นมา (เหตุนี้ล่ะ จึงทำให้โดราเอม่อนชอบกินขนมโดรายากิเป็นต้นมา)

ในเมื่อคนเรา การที่จะทำสิ่งใดเป็น จะต้องผ่านการเรียนรู้ขั้นพื้นฐานมาก่อน หุ่นยนต์อย่างโดราเอม่อนก็เช่นกัน ก็ต้องไปอบรม เรียนที่โรงเรียนฝึกหุ่นยนต์ แต่เนื่องจากอุบัติเหตุจากการผลิตในครั้งนั้น ทำให้ความสามารถของโดราเอม่อนนั้นคล้ายๆกับโนบิตะ คือโดราเอมอนได้ทำผิดพลาดทุกอย่าง เช่น ให้หยิบประตูทุกหนแห่ง แต่ดัน หยิบห่วงผ่านตลอดออกมา เป็นต้น และได้ถูกครูใหญ่เรียกตัวไปพบและให้ย้ายไปชั้นเรียนพิเศษ ซึ่งเป็นห้องที่รวบรวมเด็กมีปัญหาเอาไว้ และโดราเนียโกะ ก็ได้อยู่ในห้องนี้ด้วย ที่ห้องนี้โดราเอมอนได้พบกับเพื่อนแท้อีกหกคน คือ

  • โดราเดอะคิด เป็นหุ่นยนต์ที่ชอบคาวบอยเป็นอย่างมาก รักความสันโดด และเป็นโรคกลัวความสูง
  • โดราเหม็ด ที่สาม เป็นพ่อมดที่มีเวทมนคาถามากมาย และกลัวน้ำมาก เมื่อโมโหจะขยายร่างอาละวาด
  • หวังโดรา เก่งในด้านกังฟูมาก แต่แพ้ผู้หญิง มีนิสัยขี้อาย
  • เอล มาทาโดรา เป็นนัดสู้วัวกระทิงที่มีใจรักความยุติธรรมมาก อยู่ในสเปน เมื่อมีเหตุร้ายเกิดขึ้นจะเปลี่ยนเป็นไดเคทสึโดรา ผู้ผดุงความยุติธรรม
  • โดรานิคอฟ หุ่นยนต์แมวที่มีความลับเยอะมาก ไม่เคยพูด มีผ้าพันคออยู่ตลอดเวลา เวลาเห็นของกลมๆ จะกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าและถ้ากินของเผ็ดจะพ่นไฟได้
  • โดราริเนียว(โดรารินโญ่) เป็นนักฟุตบอลที่เก่งมาก จะอยู่กับทีมฟุตบอลของเขาคือมินิโดราทั้ง 7 มีนิสัยขี้ลืมมาก

และต่อมาโดราเอม่อนและเพื่อนทั้ง6ก็ได้รวมพลังกัน เป็นโดราเอม่อน ทีม และมีการ์ดแห่งเพื่อนอยู่ เพื่อติดต่อถึงกันได้ ไม่ว่าอยู่ที่ไหน ยุคใดก็ตาม ซึ่งหาอ่านได้จาก หนังสือการ์ตูนของ line art planning(ไม่มีลิขสิทธ์) และ เนชั่นฯ

ในพิธีจบการศึกษา หุ่นต่างๆต้องมาแสดงความสามารถให้ชม เพื่อที่จะรับการติดต่อไปทำงานกับหน่วยงานต่างๆ ที่ต้องการ เพื่อนๆในชั้นทุกคนมีคนมาติดต่อไปหมดแล้ว เหลือแต่โดราเอมอนเป็นคนสุดท้าย เมื่อโดราเอมอนแสดงจบ ได้มีสัญญานจากเด็กโดยตรงติดต่อมา แต่ทว่ากลับกลายเป็นเด็กกดปุ่มผิดเลือกมา เด็กคนนั้นก็คือเซวาชิ(ซึ่งก็คือรุ่นหลานๆๆๆของโนบิตะนั่นเอง)นั่นเอง โดราเอมอนจึงรับหน้าที่ดูแลเซวาชิ
เมื่อเซวาชิอยู่ชั้นประถม ครูได้สั่งให้ปั้นดินน้ำมันส่ง เซวาชิตัดสินใจที่จะปั้นโดราเอมอนขึ้นมา แต่ก็ทำพลาดตรงหูนี่เอง จึงได้ใช้ให้หุ่นยนต์หนูไปทำให้หูของรูปปั้นเหมือนของโดราเอมอน แต่หุ่นยนต์หนูเข้าใจผิด ไปกัดหูของโดราเอมอนแหว่ง โดราเอมอนตกใจมาก เมื่อไปหาหมอ ขณะที่ทำการรักษาอยู่นั้น ได้เกิดความผิดพลาดขึ้นทำให้หูของโดราเอมอนหายไปเลย เมื่อใครต่อใครเห็นก็ต่างพากันหัวเราะเยาะกันยกใหญ่ โดราเอมอนเสียใจมากจึงวิ่งออกไปแล้วก็ร้องไห้อยู่คนเดียว โดราเอมอนร้องไห้มากจนทำให้สีเหลืองที่ชุบตัวลอกออกมาเป็นสีน้ำเงิน ซึ่งเราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ และโดรามีก็ออกมาปลอบใจและบอกกับโดราเอมอนว่าตัวเองเป็นน้องสาวของโดราเอมอน
ในด้านเซวาชิได้ออกตามหาโดราเอมอน ในขณะที่ตามหาอยู่นั้น ได้มีผู้ก่อการร้ายซึ่งกำลังหนีตำรวจจับเป็นตัวประกันไว้ โดราเอมอนก็ได้ไปช่วยออกมา (จริงๆแล้วไม่ได้ช่วยหรอก หลังจากที่หนีออกมา โดราเอมอนตั้งใจจะดื่มน้ำยาร่าเริง แต่หยิบผิดเป็นน้ำยาเศร้าโศก และเมื่อพบกลับโดรามีก็จะกินน้ำยาร่าเริงอีกครั้ง แต่ดันกลายเป็น น้ำยาเร่งความเร็ว ทำให้ต้องวิ่งไปเรื่อยๆ จนไปชนยานของผู้ก่อการร้ายพัง ) หลังจากจับผู้ร้ายได้แล้ว ทางครูใหญ่ได้จัดการฉลองให้โดราเอมอน และมอบหุ่นยนต์มินิโดรา ให้เพื่อเป็นเกียรติแก่โดราเอมอนที่จับผู้ร้ายได้
โดราเอมอนตั้งใจจะให้ของขวัญแก่เซวาชิบ้าง จึงคิดที่จะกลับไปโลกอดีตเพื่อแก้ไขบรรพบุรุษของเซวาชิให้ดีขึ้น และที่นี่เอง โดราเอมอนกับ โนบิตะ ได้พบกันเป็นครั้งแรก